เวลาของการเริ่มต้นใหม่ชวนให้รู้สึกใจเต้นทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเรียนเทอมแรก การเริ่มต้นงานใหม่ ตอนที่ได้เงินก้อนแรกจากการทำงาน การตัดสินใจซื้อบ้านหลังใหม่ ตอนเดินไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ หรือตอนที่ตัดสินใจรับสมาชิกใหม่เข้าบ้านสักตัว สำหรับบทความนี้เราจะพาเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะตัดสินใจเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ อย่างการรับเลี้ยงลูกสุนัขเข้ามาดูแลสักตัว แล้วการดูแลน้องต้องเตรียมความพร้อมอะไรบ้าง ไปอ่านกันได้ในบทความนี้เลย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกินถือเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพร่างกายที่ดี เหมือนกับคติที่ว่า “You are what you eat” และสำหรับเหล่าน้องหมาก็เช่นเดียวกัน แล้วรู้ไหม? การให้อาหารสุนัขในแต่ละช่วงวัยก็มีความแตกต่างกันออกไป
สำหรับลูกสุนัขวัยกำลังโต (6-12 สัปดาห์) นั้น จะรู้สึกหิวบ่อย ๆ และมีการขับถ่ายที่ถี่มาก จึงทำให้มีความต้องการพลังงานจากอาหารที่สูงมาก เพื่อมาเสริมสร้างการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย นับเป็นช่วงวัยที่ต้องให้อาหารที่มีพลังงานสูง ทั้ง โปรตีน กรดไขมันจำเป็น (DHA) และวิตามินในปริมาณที่เหมาะสม
เมื่อเข้าสู่ช่วง 6-12 เดือน ลูกสุนัขเริ่มมีอายุมากขึ้น การให้อาหารไม่จำเป็นต้องให้ถี่เหมือนกับช่วงวัยกำลังโต เพราะมีความต้องการพลังงานที่ลดลง แต่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการที่เหมาะสมตามอายุ สายพันธุ์ น้ำหนัก โรคประจำตัว และกิจวัตรประจำวันของสุนัขมากกว่า โดยเริ่มเปลี่ยนจากอาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขมาเป็นอาหารของสุนัขวัยโตแทน ซึ่งสุนัขพันธุ์เล็กจะเริ่มเปลี่ยนอาหารที่อายุ 7-9 เดือนและสุนัขพันธุ์ใหญ่จะเริ่มเปลี่ยนอาหารที่อายุ 12 13 หรือ 14 เดือน
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสุนัขในแต่ละวัยหลากหลายสูตรออกมาให้เลือกสรร เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์อาหารให้เหมาะสมกับน้องหมา คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษากับสัตวแพทย์ใกล้บ้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลในการจัดโภชนาการให้เหมาะสมกับน้องในแต่ละช่วงอายุอย่างต่อเนื่อง
การเล่นเป็นกิจกรรมสุดโปรดของน้องหมาและการเล่นก็สามารถส่งผลให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางอารมณ์ได้ และช่วยให้ลูกสุนัขมีความสามารถในการเข้าสังคมได้ดีอีกด้วย
การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับสุนัขจึงเป็นสิ่งที่เหล่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย ซึ่งของเล่นสำหรับสุนัข แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ได้แก่
1. ของเล่นทั่วไป
เช่น ลูกบอล ห่วงยาง ช่วยฝึกให้น้องเกิดความกระตือรือร้นมากขึ้น
2. ของเล่นเสริมทักษะ
เช่น ของเล่นรูปทรงต่าง ๆ ที่สามารถบรรจุอาหารไว้ข้างในได้ ของเล่นชนิดนี้จะทำให้น้องหมาได้ใช้อวัยวะและประสาทสัมผัสหลายส่วน รวมถึงช่วยสร้างสมาธิให้น้องหมาเป็นอย่างดี
3. ของเล่นที่ให้ความผ่อนคลายและสร้างจินตนาการ
เช่น ตุ๊กตาที่ให้น้องกัด แทะ หรือเคี้ยวเล่นได้
แนะนำว่าของเล่นของน้องหมาควรมีมากกว่า 1 ชิ้น เพื่อสามารถหมุนเวียนให้น้อง ๆ สลับกันเล่นได้และทำให้น้องไม่เบื่อได้อีกด้วย
สุขภาพของน้องหมาเริ่มดูแลได้ตั้งแต่วัยเด็ก อย่างโปรแกรมวัคซีนและการป้องกันพยาธิภายนอกและภายใน ถือเป็นเรื่องหลักที่ต้องให้ความสำคัญ การฉีดวัคซีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อและช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ ซึ่งลูกสุนัขที่มีอายุ 6-8 สัปดาห์นั้น เป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ (Maternal Derived Antibodies, MDA) เริ่มลดน้อยลง การฉีดวัคซีนจึงเป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของลูกสุนัขสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ
โดยวัคซีนหลักที่จำเป็นสำหรับสุนัขมี 4 ชนิด ได้แก่ วัคซีนโรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper Virus) วัคซีนโรคลำไส้อักเสบ (Canine Parvovirus) วัคซีนโรคตับอักเสบ (Canine Adenovirus) และวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
ในกรณีของน้องหมาที่รับเลี้ยงมามีโอกาสติดเชื้อมาจากฟาร์มสุนัขและการเลี้ยงรวมมากกว่า 1 ตัว รวมถึงสภาพแวดล้อมที่มีความคับแคบทำให้น้องหมามีความเครียดและส่งผลให้เกิดภาวะกดภูมิคุ้มกันต่ำ ดังนั้นการฉีดวัคซีนจึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
สำหรับวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ ได้แก่ วัคซีนโรคหลอดลมอักเสบติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส Canine Parainfluenza virus วัคซีนโรคฉี่หนู (Leptospirosis) และวัคซีนโรคหลอดลมอักเสบติดต่อจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella bronchiseptica แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อให้สัตวแพทย์พิจารณาทำตามดุลยพินิจและตามการระบาดของโรคในพื้นที่นั้น
อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไปด้วย ก็คือการป้องกันปรสิตทั้งภายนอกและภายใน เพราะลูกสุนัขอาจมีความเสี่ยงต่อการติดโรคที่มาพร้อมกับปรสิตภายนอก อย่าง เห็บ หมัด ไร ที่ปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม หรือพยาธิภายใน อย่าง พยาธิตัวกลม พยาธิตา พยาธิแส้ม้า หรือพยาธิหนอนหัวใจที่มาจากการถูกยุงกัด
ปรสิตบางตัวอาจติดจากแม่สู่ลูกได้ผ่านทางน้ำนม อย่างเช่น พยาธิปากขอ ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการท้องเสีย อ่อนแรง ซึมและโลหิตจาง ในลูกหมาอาจพบปัญหาแคระแกร็นได้ นับว่าอันตรายมากสำหรับเหล่าลูกสุนัข หรือปรสิตที่มักพบว่าก่อโรคในสุนัขได้บ่อย อย่าง โรคเรื้อนที่อาจเกิดจากไรขี้เรื้อนแห้ง ส่งผลให้สุนัขเกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง ทำให้สุนัขคันรุนแรง มีสะเก็ด ขนร่วง และไรขี้เรื้อนแห้งยังสามารถติดคนได้ หรืออาจเกิดจากไรขี้เรื้อนเปียกที่ส่งผลให้ขนร่วง ผิวหนังมีตุ่มหนอง รูขุมขนอักเสบ (folliculitis) และอาจเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้
การถ่ายพยาธิสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่สุนัขอายุ 2 สัปดาห์ ซึ่งแนะนำให้ถ่ายพยาธิทุก 2 สัปดาห์และทำจนกระทั่งอายุครบ 3 เดือน โดยช่วงอายุ 3-6 เดือน ให้ถ่ายพยาธิเดือนละครั้งและเมื่ออายุ 6 เดือน ขึ้นไปให้ถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 เดือน พิจารณาการถ่ายพยาธิตามไลฟ์สไตล์การเลี้ยงน้องหมาในแต่ละครอบครัว เราสามารถพาน้องไปรับบริการถ่ายพยาธิพร้อมฉีดวัคซีนกับสัตวแพทย์ที่คลินิกใกล้บ้าน รวมถึงขอคำแนะนำหากสนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ป้องกันพยาธิภายนอกและภายใน เพื่อกลับไปป้องกันให้น้องที่บ้านได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
‘บ้านของน้องหมา คือ สถานที่แสนอบอุ่นที่รายล้อมไปด้วยความสบายใจ’นี่อาจจะเป็นความต้องการสูงสุดที่น้องหมาอยากขอและเราก็มีหน้าที่จัดให้ ถึงแม้บุคลิกของน้องหมาส่วนใหญ่จะชอบเข้าสังคมและดูสดใสร่าเริง แต่น้องหมาเองก็ต้องการพื้นที่และเวลาส่วนตัวเหมือนกันนะ การมีพื้นที่ส่วนตัวในบ้าน จานอาหารส่วนตัว เตียงหรือผ้าห่มเน่าที่เป็นของน้องตัวเดียวจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้น้องรู้สึกสบายใจในการอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว ยังเป็นการฝึกนิสัยที่ดีให้กับน้อง ถือเป็นการสอนให้น้องรู้จักที่นอน ที่กิน และที่ขับถ่าย ซึ่งเป็นประโยชน์ให้กับเราในอนาคตมาก ๆ
เพียงแค่เข้าใจการดูแลน้องหมาทั้ง 4 เรื่องนี้ การเตรียมพร้อมรับน้องหมาตัวใหม่มาดูแล ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หรือถ้าอยากได้ข้อมูล คำปรึกษาเพิ่มเติมในการเตรียมตัว นอกจากพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้านแล้ว ยังสามารถแอดไลน์มาปรึกษาที่ Line ID : @spectrafordog ได้เลย ว่าแล้วก็เริ่มปัดฝุ่น จัดข้าวของในบ้าน ตบเท้าไปตามหาน้องหมาที่ถูกตาต้องใจสักตัวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรากันเถอะ
#SpectraForDog
#ครบทุกการดูแลอย่างรู้จริง